Share

ภาพถ่ายอินฟราเรดและการเผยความลับใต้ชั้นสี

Last updated: 1 Jun 2025
581 Views
เคยเขียนไปบ้างแล้วว่าแสงยูวีที่ความยาวคลื่นประมาณ 365-400 นาโนเมตร นั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการวิเคราะห์ภาพเขียน  ช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรดก็มีประโยชน์ไม่น้อยหน้ากัน  เพียงแต่ทั้งสองช่วงคลื่นนี้ให้ผลการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน  ในการถ่ายภาพทางเทคนิคจึงมักใช้ทั้งช่วงแสงปกติที่ตาคนมองเห็น (visible light) ซึ่งมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400- 700 นาโนเมตร และถ่ายด้วยช่วงคลื่นแสงที่ตาเปล่ามองไม่เห็น นั่นก็คือ แสงยูวี และอินฟราเรด
 
ช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรดที่เหมาะในการถ่ายภาพโดยทั่วไปคือความยาวคลื่นประมาณ 800-1100 นาโนเมตร เรียกการถ่ายภาพแบบนี้ว่า Infrared Photography (IRP) และ ช่วงความยาวคลื่นประมาณ 1100-1700 นาโนเมตร ซึ่งเรียกว่า Infrared reflectography (IRR) 
 
หลักการทำงานของการถ่ายภาพประเภทนี้สัมพันธ์กับหลักการที่ว่าภาพวาดมีโครงสร้างหลายชั้น ซึ่งชั้นที่อยู่ด้านบนจะปิดทับชั้นที่อยู่ด้านล่าง ยกเว้นชั้นบนสุดซึ่งเป็นการเคลือบด้วยวานิชใสจึงไม่ปิดทึบชั้นสีด้านล่างได้ ในสภาพแสงปกติเราจึงสามารถมองทะลุชั้นวานิชลงไปเห็นชั้นสีที่เป็นภาพวาด  แต่อินฟราเรดสามารถทำได้มากกว่านั้น อินฟราเรดทำให้ความสามารถในการปิดทับของสารสี (pigment) ต่างๆ ลดลง เนื่องจากสารสีเหล่านี้ดูดซับและกระเจิงแสงได้น้อยในช่วงความยาวคลื่นนี้ ทำให้สีดูโปร่งใสมากขึ้น  ชั้นสีและรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่ด้านล่างซึ่งปกติแล้วไม่สามารถมองเห็นจึงเผยโฉมออกมาให้เห็นได้ นอกจากนั้นแล้ววัสดุประเภทแกรไฟต์หรือคาร์บอนซึ่งนิยมใช้ในการร่างภาพยังถูกเปิดเผยได้อย่างชัดเจนภายใต้ช่วงคลื่นอินฟราเรด 
 
การถ่ายภาพด้วยอินฟราเรดเป็นหนึ่งในวิธีการที่ไม่ทำลายภาพเขียนและยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่เทคนิคอื่นทำไม่ได้  ผู้เชี่ยวชาญสามารถศึกษากระบวนการสร้างสรรค์งานของศิลปิน รอยร่างภาพก่อนที่ศิลปินจะลงสี (under-drawing) การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบที่ศิลปินทำในระหว่างการวาดภาพ ( pentimenti ) ความเสียหาย การแก้ไข รวมถึงในกรณีที่ผ้าใบถูกนำมาใช้ซ้ำและมีการวาดทับ 
 
การถ่ายภาพ Infrared photography ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในแวดวงศิลปะในปี 1930 ส่วนการถ่ายภาพแบบ Infrared Reflectography นั้นถูกคิดค้นขึ้นในปี 1960 โดยนักฟิสิกส์ชาวดัตช์ชื่อแวน อัสเปอเรน เดอ โบเออร์ (Van Asperen de Boer) ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในแง่ของเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์งานศิลปะ และยังมีการพัฒนาเรื่อยมาเพื่อให้ได้ผลของการวิเคราะห์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันเทคนิคการถ่ายภาพด้วยช่วงคลื่นอินฟราเรดยังคงเปิดมุมมองใหม่ๆ และให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งและคาดไม่ถึง
 
การศึกษาภาพวาด Woman Ironing  (1904) ของปาโบล ปิกัสโซ่  (Pablo Picasso) เป็นตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับการค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใต้โดยใช้เทคนิคการถ่ายภาพด้วยอินฟราเรด
 
ปิกัสโซวาดภาพนี้ในช่วง ค.ศ. 1901-1904  ซึ่งเรียกว่ายุคสีน้ำเงินของปิกัสโซ ภาพ Woman Ironing ถือเป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนไหว ทักษะ และอารมณ์ที่ปิกัสโซใช้ในการพรรณนาถึงคนยากจน การใช้สีขาวและเทาอมฟ้าที่ดูโศกเศร้าสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตประจำวันที่ต้องใช้แรงงาน ทำงานหนัก และมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ปิกัสโซเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงปีแรกๆ ที่เขาอยู่ที่ปารีส ปิกัสโซเป็นศิลปินหนุ่มที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักและใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก
 
ภาพนี้เคยถูกศึกษามาก่อนโดยเทคนิค Infrared Reflectography ซึ่งค้นพบว่ามีภาพผู้ชายที่กลับหัวซ่อนอยู่ภายใต้ภาพ Woman Ironing  และด้วยการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์แห่งหอศิลป์แห่งชาติ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Near Infrared Imaging Spectroscopy ร่วมกับการจัดการข้อมูลทางคณิตศาสตร์ ทำให้เห็นภาพวาดที่มีละเอียดชัดเจนมากขึ้นของภาพผู้ชายที่กลับหัวภายใต้พื้นผิวของภาพ Woman Ironing (1904) 
 

ขอบคุณและอ้างอิง :

magazine.artland.com

guggenheim.org/conservation/picassos-woman-ironing

 

 


Related Content
หญิงสาวกับต่างหูมุก Girl with a Pearl Earring (c. 1665) และภาพถ่ายการเรืองแสงยูวีหลังจากการบูรณะ
ภาพหญิงสาวกับต่างหูมุก Girl with a Pearl Earring (c. 1665) ซึ่งเป็นภาพวาดสีน้ำมัน ขนาด 44.5 × 39 เซนติเมตร อันแสนโด่งดัง ซึ่งคาดว่า Johannes Vermeers วาดขึ้นในปี 1665 ภาพนี้ถูกแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Mauritshuis ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งล่าสุดในปี 1994 โดยภายหลังการบูรณะ นักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการถ่ายภาพทางเทคนิค (Technical Photography) ซึ่งรวมเอาการถ่ายการเรืองแสงยูวี (UVF, Ultraviolet fluorescence) ไว้ด้วย จะเห็นว่าภาพทางขวาซึ่งเป็นภาพถ่ายภายใต้สภาวะแสงยูวี มีการเรืองแสงยูวีของชั้นวานิชเรซินธรรมชาติเป็นสีเขียว และพื้นที่ที่ได้รับการซ่อมแซมสามารถแยกแยะจากสีเดิมได้อย่างชัดเจนเนื่องจากปรากฏเป็นสีดำเข้มกว่า
18 May 2025
The Schoolboy - แวนโก๊ะใช้สีอะไรบ้างเขียนภาพนี้
ภาพเด็กผู้ชายสวมเสื้อสีฟ้าบนพื้นหลังสีแดงส้มที่มีชื่อว่า "The schoolboy" ซึ่งแวนโก๊ะเขียนภาพนี้ในปี 1888 ในช่วงที่เขาอาศัยอยู่ในอาร์ลส์ สงสัยมั๊ยว่าแวนโก๊ะ ใช้สีอะไรบ้างในการเขียนภาพนี้
11 May 2025
สีและการวิเคราะห์อายุของภาพเขียน : สีเขียวมรกต, The Emerald green
อยู่ๆ ก็นึกอยากวาดอะไรสักอย่างที่ใช้สีเขียวและสีน้ำเงิน วันนี้เลยไปรื้อโพสต์เก่าๆ ที่เคยเขียนถึงสีเขียวขึ้นมาปัดฝุ่น สีเขียวมรกตหรือ Emerald green คือสีที่จะเขียนถึงวันนี้ เพราะเป็นสีที่มักจะพบบนงานของแวนโก๊ะ ซึ่งผู้เขียนชื่นชอบผลงานทุกชิ้นของศิลปินท่านนี้
8 May 2025
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy