หญิงสาวกับต่างหูมุก Girl with a Pearl Earring (c. 1665) และภาพถ่ายการเรืองแสงยูวีหลังจากการบูรณะ
Last updated: 19 May 2025
1549 Views
ภาพหญิงสาวกับต่างหูมุก Girl with a Pearl Earring (c. 1665) ซึ่งเป็นภาพวาดสีน้ำมัน ขนาด 44.5 × 39 เซนติเมตร อันแสนโด่งดัง ซึ่งคาดว่า Johannes Vermeers วาดขึ้นในปี 1665 ภาพนี้ถูกแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Mauritshuis ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งล่าสุดในปี 1994 โดยภายหลังการบูรณะ นักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการถ่ายภาพทางเทคนิค (Technical Photography) ซึ่งรวมเอาการถ่ายการเรืองแสงยูวี (UVF, Ultraviolet fluorescence) ไว้ด้วย จะเห็นว่าภาพทางขวาซึ่งเป็นภาพถ่ายภายใต้สภาวะแสงยูวี มีการเรืองแสงยูวีของชั้นวานิชเรซินธรรมชาติเป็นสีเขียว และพื้นที่ที่ได้รับการซ่อมแซมสามารถแยกแยะจากสีเดิมได้อย่างชัดเจนเนื่องจากปรากฏเป็นสีดำเข้มกว่า
บรรดาวิธีการตรวจสอบภาพวาดมีหลายวิธี แต่วิธีที่ปฏิบัติงานได้ไม่ยาก นั่นคือการตรวจสอบการเรืองแสงอัลตร้าไวโอเลต (ultraviolet fluorescence, UVF)) ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์และนิยมใช้กันมากที่สุดวิธีหนึ่ง เทคนิคนี้ใช้ในการวิเคราะห์การเสื่อมสภาพของงาน โดยเฉพาะอย่างการตรวจสอบการซ่อมแซมหรือการแทรกแซงด้วยวัสดุอื่นซึ่งไม่ใช่วัสดุดั้งเดิมของภาพต้น การตรวจสอบด้วยสายตาว่าสิ่งใดเป็นวัสดุดั้งเดิมและสิ่งใดที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าไม่มีความเชี่ยวชาญมาก่อน ดังนั้นการใช้หลักการการเรืองแสงยูวีช่วยในการตรวจสอบจึงเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์
รังสียูวีเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่ตาคนมองเห็น นั่นคือมีช่วงความยาวคลื่นอยู่ประมาณ 100-400 นาโนเมตร ช่วงความยาวคลื่นที่เหมาะสมในการตรวจสอบภาพเขียนคือ 365 นาโนเมตร
การฉายแสงยูวีลงไปบนพื้นผิวของภาพวาดทำให้เราสังเกตเห็นได้ว่าบางพื้นที่ที่ได้รับแสงมีการเรืองแสงและสว่างกว่า ในขณะที่บางพื้นที่ปรากฏเป็นสีดำหรือมืดกว่า ปัจจัยนี้เกิดจากปรากฏการณ์ทางกายภาพของการเรืองแสงยูวีของสารที่อยู่บนภาพวาด โดยปกติแสงยูวีนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อถูกดูดซับโดยสารบางชนิด จะเรืองแสงออกมาเป็นแสงที่มองเห็นได้ ความแตกต่างของการเรืองแสงนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของสารต่างๆ ที่อยู่ในชั้นของสารเคลือบ (varnish layer) และชั้นของสี (pictorial layer) อย่างไรก็ตามการเรืองแสงนี้จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาที่ผ่านไปนับตั้งวัสดุมีการถูกเติมลงไปบนภาพวาด ดังนั้นเทคนิคนี้ทำให้สามารถแยกความแตกต่างระหว่างบริเวณที่เป็นภาพต้นฉบับกับบริเวณที่มีการซ่อมแซมหรือการรีทัช (retouch) ภายหลัง
อธิบายง่ายๆ คือวัสดุที่อยู่ด้านบนซึ่งไม่เก่าเท่าจะปรากฏให้เห็นว่ามีสีเข้มกว่าวัสดุที่เก่ากว่า
ในแวดวงการอนุรักษ์บูรณะภาพเขียนในยุโรป ภายหลังการส่งภาพไปบูรณะซ่อมแซม นักอนุรักษ์จะต้องส่งภาพถ่ายภายใต้แสงยูวีให้เจ้าของภาพเพื่อเป็นหลักฐานเกี่ยวกับการบูรณะซ่อมแซมนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นงานในพิพิธภัณฑ์ ภาพถ่ายภายใต้แสงยูวีเป็นหลักฐานสำคัญที่รายงานการบูรณะซ่อมแซมในครั้งนั้น และมีประโยชน์ในกรณีที่จะต้องมีการบูรณะซ่อมแซมในครั้งหน้า
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์เพื่อระบุการแทรกแซงหรือการบูรณะด้วยการเรืองแสงยูวียังคงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะในกรณีที่ระยะเวลาของการแทรกแซงเกิดขึ้นไม่นานภายหลังการสร้างงานครั้งแรก หรือในกรณีที่มีการเรืองแสงที่ชัดเจนมากของสารเคลือบที่อยู่บนชั้นสี ยิ่งสารเคลือบชั้นบนสุดมีการเรืองแสงมากเท่าใด ชั้นสีด้านล่างก็จะเรืองแสงน้อยลงเท่านั้น นอกจากนี้ชั้นเคลือบเก่าที่อยู่ในบริเวณที่มีสีเข้มจะดูมืดและไม่เรืองแสงแม้ว่าจะเป็นชั้นเดิมก็ตาม พื้นที่เหล่านี้อาจมองเห็นได้ว่าเป็นจุดที่มืดมาก และมักจะแยกแยะจากการทาสีทับหรือการรีทัชได้ยาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้การตรวจสอบนี้ร่วมกับเทคนิคการตรวจสอบอื่นๆ
ขอบคุณภาพจาก : "From Vermeer Illuminated to The Girl in the Spotlight: approaches and methodologies for the scientific (re-) Open Access examination of Vermeers Girl with a Pearl Earring". (Abbie Vandivere , Jørgen Wadum, Klaas Jan van den Berg, Annelies van Loon, and The Girl in the Spotlight research team). Vandivere et al. Herit Sci (2019).
Related Content
การศึกษาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของภาพเขียนสำคัญ ๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วในยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่พิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ในเอเชียฝั่งบ้านเรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะวัสดุศาสตร์ช่วยให้เข้าใจวิธีการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปิน ทั้งยังเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการบูรณะซ่อมแซมและดูแลรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมสภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การศึกษาภาพหญิงสาวกับต่างหูมุก หรือ The Girl with a pearl earring วาดโดย โยฮันเนส เวอร์เมียร์ ซึ่งเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์มอริสชุยส์ (Mauritshuis Museum) ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
28 Jul 2025
เทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นสูง อย่างเช่น การถ่ายรูปอินฟราเรดและเอกซเรย์ เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการถ่ายภาพภาพเขียน เพื่อค้นหาสิ่งที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นภายใต้ชั้นสี เทคนิคเหล่านี้ช่วยเปิดเผยความลับทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจของศิลปิน การค้นพบและเปิดเผย "ภาพใต้ภาพ" ที่ถูกซ่อนไว้มากว่าศตวรรษ ช่วยให้นักวิจัยและนักอนุรักษ์ รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ศิลปะ "เข้าใจ" ชีวิต การทำงาน รวมทั้งเทคนิค ในช่วงเวลานั้นๆ ของศิลปิน
30 Jun 2025
ในขณะที่นักสืบต้องคอยติดตามเบาะแสเพื่อไขปริศนาคดีต่างๆ นักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์งานศิลปะก็มีงานสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือการวิเคราะห์ศิลปวัตถุ ไม่เพียงแต่เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวัสดุและตระเตรียมวิธีการดูแลรักษา แต่ยังเพื่อไขคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ หรือเพื่อค้นหาความลับในระหว่างการสร้างสรรรค์ผลงานทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจของศิลปิน หนึ่งในเทคนิคที่ถูกนำมาใช้เพื่อการนี้ คือการถ่ายภาพอินฟราเรด ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยเปิดเผยข้อมูลที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
1 Jun 2025