Girl with a Pearl Earring ....ลาพิส ลาซูลี และสีอื่น ๆ ในจานสีของโยฮันเนส เวอร์เมียร์
Last updated: 28 Jul 2025
249 Views
การศึกษาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของภาพเขียนสำคัญ ๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วในยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่พิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ในเอเชียฝั่งบ้านเรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะวัสดุศาสตร์ช่วยให้เข้าใจวิธีการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปิน ทั้งยังเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการบูรณะซ่อมแซมและดูแลรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมสภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การศึกษาภาพหญิงสาวกับต่างหูมุก หรือ Girl with a pearl earring วาดโดย โยฮันเนส เวอร์เมียร์ ซึ่งเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์มอริสชุยส์ (Mauritshuis Museum) ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
ปี 2018 ทีมนักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์ ของพิพิธภัณฑ์มอริสชุยส์ นำทีมโดย Dr. Abbie Vandivere ซึ่งเป็นนักอนุรักษ์ภาพวาด ทำงานร่วมกับนักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์จากหลาย ๆ สถาบันในหลายประเทศ ได้ทำการศึกษาภาพนี้ด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยหลายเทคนิค เพื่อค้นหาตอบให้กับคำถามที่ว่า ศิลปินมีขั้นตอนและเทคนิคอย่างไรในการสร้างสรรค์ผลงาน วัสดุที่ศิลปินใช้รวมถึงแหล่งที่มาของวัสดุเหล่านั้น ภาพวาดที่เราเห็นในวันนี้ จริงๆ แล้วมีลักษณะเป็นอย่างไรเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนตอนที่เวอร์เมียร์วาดเสร็จใหม่ ๆ และอีกหลาย ๆ คำถาม
การศึกษาภาพหญิงสาวกับต่างหูมุก หรือ Girl with a pearl earring วาดโดย โยฮันเนส เวอร์เมียร์ ซึ่งเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์มอริสชุยส์ (Mauritshuis Museum) ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
ปี 2018 ทีมนักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์ ของพิพิธภัณฑ์มอริสชุยส์ นำทีมโดย Dr. Abbie Vandivere ซึ่งเป็นนักอนุรักษ์ภาพวาด ทำงานร่วมกับนักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์จากหลาย ๆ สถาบันในหลายประเทศ ได้ทำการศึกษาภาพนี้ด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยหลายเทคนิค เพื่อค้นหาตอบให้กับคำถามที่ว่า ศิลปินมีขั้นตอนและเทคนิคอย่างไรในการสร้างสรรค์ผลงาน วัสดุที่ศิลปินใช้รวมถึงแหล่งที่มาของวัสดุเหล่านั้น ภาพวาดที่เราเห็นในวันนี้ จริงๆ แล้วมีลักษณะเป็นอย่างไรเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนตอนที่เวอร์เมียร์วาดเสร็จใหม่ ๆ และอีกหลาย ๆ คำถาม
โยฮันเนส เวอร์เมียร์ หรือที่อ่านแบบดัตช์ว่า โยฮันเนิส เฟอร์เมร์ (Johannes Vermeer, 1632 - 1675) มีชีวิตเฉกเช่นเดียวกับศิลปินทั่วไปอีกหลาย ๆ คน ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ ตลอดชีวิตของเวอร์เมียร์ มีผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาเพียง 36 ชิ้น และเมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี 1675 ชื่อของเขาก็ค่อยๆ ถูกหลงลืมไปกับกาลเวลา จนกระทั่งผ่านไปสองร้อยปี ในปี 1881 ผลงาน "หญิงสาวกับต่างหูมุก" ถูกนำมาปรากฏกายในตลาดประมูลงานศิลปะ ก่อนที่มันจะถูกประมูลไปโดยนักสะสมชื่อ Arnoldus Andries des Tombe ในราคาเพียง 2 กิลเดอร์เนเธอร์แลนด์ บวกกับค่านายหน้าอีก 30 เซ็นต์ ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 1-2 ยูโรในปัจจุบัน
เมื่อ Arnoldus Andries des Tombe เสียชีวิตลงในปี 1902 ภาพนี้ถูกมอบให้กับพิพิธภัณฑ์มอริสชุยส์
ภาพ "หญิงสาวกับต่างหูมุกนี้" ผ่านการบูรณะฟื้นฟูหลายครั้งทั้งก่อนที่จะถูกส่งมอบให้พิพิธภัณฑ์ และภายหลังจากที่อยู่ในการดูแลของพิพิธภัณฑ์แล้ว การบูรณะครั้งใหญ่ที่ได้นำเทคนิคทางวิทยาศาสตร์มาใช้วิเคราะห์ภาพเกิดขึ้นในปี 1994 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Vermeer Illuminated ยี่สิบหกปีก่อนที่จะถูกนำมาศึกษาอีกครั้งเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในปี 2018 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า The Girl in The Spotlight ซึ่งการค้นคว้าวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ภายใต้โครงการนี้ทำให้ภาพวาด "หญิงสาวกับต่างหูมุก" กลายเป็นหนึ่งในภาพวาดที่ได้รับการค้นคว้าและบันทึกไว้อย่างละเอียดที่สุดในโลก
โครงการ The Girl in the spotlight นี้ภาพหญิงสาวถูกนำมาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคที่หลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด ภาพถูกถอดออกจากกรอบรูป วัดขนาด นักวิจัยทำการตรวจสอบสภาพอย่างละเอียดด้วยสายตา ก่อนนำไปถ่ายภาพด้วยเทคนิคต่าง ๆ ภายใต้สภาพแสงและแหล่งกำเนิดรังสีที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือถ่ายภาพเอกซเรย์และภาพถ่ายทางเทคนิคความละเอียดสูง การถ่ายภาพเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีความยาวคลื่นและระดับพลังงานที่แตกต่างกัน วัสดุบางชนิดในภาพมีปฏิกิริยาสนองตอบต่อความยาวคลื่นเฉพาะและสามารถตรวจจับได้โดยใช้กล้องและฟิลเตอร์พิเศษ ช่วงความยาวคลื่นที่เป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับนักวิทยาศาสาตร์และนักอนุรักษ์งานศิลปะคือ รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) แสงที่มองเห็น (VIS, visible light) และรังสีอินฟราเรด (IR)
ภาพ "หญิงสาวกับต่างหูมุกนี้" ผ่านการบูรณะฟื้นฟูหลายครั้งทั้งก่อนที่จะถูกส่งมอบให้พิพิธภัณฑ์ และภายหลังจากที่อยู่ในการดูแลของพิพิธภัณฑ์แล้ว การบูรณะครั้งใหญ่ที่ได้นำเทคนิคทางวิทยาศาสตร์มาใช้วิเคราะห์ภาพเกิดขึ้นในปี 1994 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Vermeer Illuminated ยี่สิบหกปีก่อนที่จะถูกนำมาศึกษาอีกครั้งเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในปี 2018 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า The Girl in The Spotlight ซึ่งการค้นคว้าวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ภายใต้โครงการนี้ทำให้ภาพวาด "หญิงสาวกับต่างหูมุก" กลายเป็นหนึ่งในภาพวาดที่ได้รับการค้นคว้าและบันทึกไว้อย่างละเอียดที่สุดในโลก
โครงการ The Girl in the spotlight นี้ภาพหญิงสาวถูกนำมาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคที่หลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด ภาพถูกถอดออกจากกรอบรูป วัดขนาด นักวิจัยทำการตรวจสอบสภาพอย่างละเอียดด้วยสายตา ก่อนนำไปถ่ายภาพด้วยเทคนิคต่าง ๆ ภายใต้สภาพแสงและแหล่งกำเนิดรังสีที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือถ่ายภาพเอกซเรย์และภาพถ่ายทางเทคนิคความละเอียดสูง การถ่ายภาพเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีความยาวคลื่นและระดับพลังงานที่แตกต่างกัน วัสดุบางชนิดในภาพมีปฏิกิริยาสนองตอบต่อความยาวคลื่นเฉพาะและสามารถตรวจจับได้โดยใช้กล้องและฟิลเตอร์พิเศษ ช่วงความยาวคลื่นที่เป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับนักวิทยาศาสาตร์และนักอนุรักษ์งานศิลปะคือ รังสีเอกซ์ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) แสงที่มองเห็น (VIS, visible light) และรังสีอินฟราเรด (IR)
นอกจากการถ่ายภาพแล้วหลาย ๆ เทคนิคทางวิทยาศาสตร์หลากหลายถูกนำมาใช้เพื่อศึกษาชนิดของผ้าใบ วิธีการขึงผ้าใบ ชนิดของสารรองพื้นและวิธีการลงรองพื้น น้ำมันและสีที่ใช้ เทคนิคการเคลือบ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพของวัสดุซึ่งมีผลต่อลักษณะที่เห็นของภาพในช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าสามร้อยปี
ผู้เขียนจะทยอยเล่าในบทความถัด ๆ ไปว่าผลจากการวิจัยในครั้งนี้มีคำตอบต่อคำถามที่เกี่ยวกับภาพเขียนนี้อย่างไรบ้าง
ในบทความตอนนี้ อยากจะเล่าเกี่ยวกับสีและน้ำมันที่เวอร์เมียร์ใช้
เวอร์เมียร์ใช้น้ำมันลินสีดเป็นตัวผสมสีสำหรับการวาดภาพนี้ (และคงจะใช้สำหรับภาพอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน) ลินสีดเป็นน้ำมันทีทำมาจากเมล็ดของต้นแฟลกซ์ (flax) โดยทั่วไปจะใช้เป็นส่วนผสมในสีน้ำมัน เพื่อช่วยให้สีแห้งช้าลง ปรับความข้นของสีได้ ช่วยเพิ่มความเงา น้ำมันลินสีดมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันชักแห้ง ซึ่งหมายความว่าเมื่อสัมผัสกับอากาศจะแห้งตัว ความช้าเร็วของการแห้งตัวนั้นยังขึ้นอยู่กับสีที่ผสม น้ำมันที่พบบนภาพหญิงสาวกับต่างหูมุกนี้เป็นน้ำมันลินสีดที่มีการปนเปื้อนของน้ำมันเรพซีด (Rapeseed) ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะปนเปื้อนมาจากกระบวนการสกัดน้ำมัน
ส่วนสีที่ใช้ในการเขียนภาพนี้ประกอบด้วย สีแดงปรอท (vermillion red), สีแดง (red lake), สีขาวตะกั่ว (lead white), สีนำ้เงินอัลตรามารีน (ultramarine blue), สีคราม (indigo), สีเหลือง (weld), สีดำ (bone black และ charcoal)และ สีประเภท earth pigment ที่ได้จากดินหรือหินธรรมชาติซึ่งให้สีเหลืองและสีน้ำตาลของเสื้อของหญิงสาว
สีแดงที่พบบนภาพนี้เป็นรงควัตถุสีส้มแดงทึบแสงที่ทำจากปรอทซัลไฟด์ (HgS) เรียกว่าเวอร์มิลเลียน (vermillion) หรือ ซินนาบาร์ (cinnabar, HgS) คนไทยเรียกสีแดงชาด ถูกใช้ระบายอย่างชัดเจนบริเวณริมฝีปากและเป็นส่วนผสมของสีผิวบริเวณใบหน้า นอกจากสีแดง vermillion แล้ว สีแดง Red Lake ที่ทำจากแมลงโคชินีล (Cochineal) เป็นอีกสีที่เวอร์เมียร์ใช้ระบายบริเวณริมฝีปากและผิวหนัง
โคชินีลเป็นแมลงสายพันธุ์ Dactylopius coccus Costa ซึ่งชอบเกาะอยู่ตามต้นตะบองเพชรที่พบมากแถบประเทศแม็กซิโก แมลงตัวเมียจะถูกนำออกมาตากแห้งและบดเพื่อสกัดกรดคาร์มินิก วิธีนี้ทำให้ได้สีย้อมสีแดงเลือดหมูที่มีสีแดงเข้มสวยงามซึ่งนิยมใช้ในการย้อมผ้า การเปลี่ยนโคชินีลให้เป็นสีจำเป็นต้องเปลี่ยนสีย้อมสีแดงจากของเหลวเป็นของแข็งโดยการผสมกับผงสีขาว (ซึ่งโดยปกติแล้วคืออะลูมินาไฮเดรต) เรียกรงควัตถุสีแดงที่ได้ว่า red lake ซึ่งต้องนำมาผสมกับน้ำมันและรงควัตถุอื่น ๆ เพื่อทำสี
สี red lake จะมองเห็นเป็นอนุภาคสีแดงเข้มในแสงปกติ และเรืองแสงสีชมพูสดในแสงยูวี สีแดงชนิดนี้น่าจะมีการนำเข้าจากประเทศแม็กซิโกสู่สเปน ก่อนส่งเข้าอัมสเตอร์ดัม จนถึงย่านอาศัยของเวอร์เมียร์
สีขาวตะกั่วเป็นสีที่เวอร์เมียร์ใช้ในการระบายภาพหญิงสาว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใดสำหรับการวาดภาพในศตวรรษที่ 17 สีขาวตะกั่วกระจายอยู่ทั่วบริเวณภาพเนื่องจากมันถูกผสมอยู่ในชั้นรองพื้นด้วย แต่พบมากบริเวณดวงตา ไข่มุก ปกเสื้อ ผ้าคลุมศีรษะ และด้านซ้ายของใบหน้าตรงที่หญิงสาวหันหน้าเข้าหาแสง ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างบริเวณที่มีแสงและเงา ช่วยเสริมให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น ภาพถ่ายเอกซเรย์ยืนยันให้เห็นว่าสีขาวตะกั่วกระจายอยู่ทั่วทั้งภาพ ด้วยคุณสมบัติดูดกลืนรังสีเอกซ์และปรากฏให้เห็นเป็นสีขาวบนภาพเอกซเรย์อย่างชัดเจน
สีดำที่เวอร์เมียร์ใช้ในการเขียนภาพนี้มีสองชนิดคือ สีดำคาร์บอน (carbon black) ซึ่งได้จากถ่านไม้ให้สีดำอมน้ำเงิน และสีดำโทนน้ำตาลที่ได้จากกระดูก (bone black)
ส่วนสีพื้นหลังที่มองเห็นว่าเป็นสีดำ จริงๆ แล้วคือสีเขียวที่เกิดจากการผสมของสีคราม (Indigo) และสีเหลืองที่เรียกว่า weld
Weld เป็นสีย้อมสีเหลืองธรรมชาติที่ทำจากพืชที่รู้จักกันในชื่อ Dyers rocket: Reseda luteola L. ดอก ลำต้น และใบสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด แต่สีคุณภาพดีที่สุดจะมาจากดอก พืชชนิดนี้เติบโตทั่วยุโรป และเป็นหนึ่งในสีย้อมที่เก่าแก่และใช้กันอย่างแพร่หลาย
สีที่โดดเด่นที่สุดของภาพนี้จะเป็นสีอะไรไปไม่ได้นอกจากสีนำ้เงินของผ้าโพกหัวของหญิงสาว ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าสีน้ำเงินที่เวอร์เมียร์ใช้คือสีนำ้เงินอัลตรามารีน (Ultramarine blue) อัลตรามารีนทำจากแร่ลาซูไรต์สีน้ำเงินสดใส ซึ่งเป็นแร่ที่พบในหินลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) หินสีน้ำเงินเข้มที่มีแร่ไพไรต์สีทองแทรกอยู่ ออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ (แต่จริง) ที่ว่าอัลตรามารีนเกือบทั้งหมดที่ใช้ในประวัติศาสตร์ศิลปะมาจากแหล่งเดียวกันของโลก นั่นคือเหมืองไม่กี่แห่งบนเนินเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน
การขุดแร่ลาพิส ลาซูลี การขนย้ายลงจากภูเขา และทำการขนส่งไปยังยุโรป รวมถึงกระบวนการเปลี่ยนหินให้เป็นสี ทำให้สีชนิดนี้เป็นสีที่แพงที่สุด ว่ากันว่ามีลาพิส ลาซูลีมีมูลค่าสูงกว่าทองคำ ในภาพหญิงกับต่างหูมุกนี้ นอกจากบริเวณผ้าโพกศีรษะแล้ว เวอร์เมียร์ยังผสมอัลตรามารีนเข้ากับเงาของเสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองอีกด้วย
นอกจากภาพนี้แล้ว เวอร์เมียร์ยังใช้สีอัลตรามารีนจำนวนมากในภาพของเขา โดยเฉพาะภาพ "Woman in Blue Reading a Letter (1663-1664)" มีข้อถกเถียงกันว่าเวอร์เมียร์มีเงินมากมายมาใช้สำหรับซื้อสีอัลตรามารีนได้อย่างไรในเมื่อเขามีชีวิตที่แร้นแค้นยากจน มีลูกเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดูหลายคน บ้างก็ว่าอาจจะได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐี หรือว่าจริง ๆ แล้วเวอร์เมียร์อุทิศชีวิตให้กับการทำงานศิลปะ ยอมให้ชีวิตตัวเองและลูก ๆ แร้นแค้นลำบากเพื่อนำเงินมาซื้อวัสดุที่ใช้ในการวาดภาพ
การวิเคราะห์เพื่อหาว่าสีแต่ละสีที่มองเห็นบนภาพเขียนนี้คือสีอะไร นักวิจัยใช้หลายเทคนิคประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การถ่ายเอกซเรย์ การใช้เครื่องวิเคราะห์ฟลูออเรสเซนซ์รังสีเอกซ์ (MA-XRF) การตรวจสอบภาพตัดขวางของสีด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดร่วมกับการวิเคราะห์ธาตุด้วยรังสีเอกซ์แบบกระจายพลังงาน (Scanning Electron Microscope-Dispersive X-ray Spectroscopy, SEM-EDX) เป็นต้น
สีบนภาพวาดมีความหมายมากกว่าเพียงแค่จะแสดงให้เห็นว่าภาพนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่ยังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของศิลปินผู้อุทิศตัวเองให้กับการสร้างสรรค์งานศิลปะ ช่วงเวลา ประวัติศาสตร์ การค้าขายแลกเปลี่ยน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ขอบพระคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ที่มาของข้อมูล:
1.https://www.mauritshuis.nl/en/our-collection/restoration-and-research/closer-to-vermeer-and-the-girl.
2.Abbie Vandivere. The technical (re-)examination of Vermeers Girl with a Pearl Earring. Vandivere HeritSci (2020) 8:26 https://doi.org/10.1186/s40494-020-00370-7.
3.Abbie Vandivere, Jørgen Wadum, Klaas Jan van den Berg, Annelies van Loon, and The Girl in the Spotlight research. From Vermeer Illuminated to The Girl in the Spotlight: approaches and methodologies for the scientific (re-) examination of Vermeers Girl with a Pearl Earring. Vandivere et al. Herit Sci (2019) 7:66 https://doi.org/10.1186/s40494-019-0307-5.
2.Abbie Vandivere. The technical (re-)examination of Vermeers Girl with a Pearl Earring. Vandivere HeritSci (2020) 8:26 https://doi.org/10.1186/s40494-020-00370-7.
3.Abbie Vandivere, Jørgen Wadum, Klaas Jan van den Berg, Annelies van Loon, and The Girl in the Spotlight research. From Vermeer Illuminated to The Girl in the Spotlight: approaches and methodologies for the scientific (re-) examination of Vermeers Girl with a Pearl Earring. Vandivere et al. Herit Sci (2019) 7:66 https://doi.org/10.1186/s40494-019-0307-5.
Related Content
เทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นสูง อย่างเช่น การถ่ายรูปอินฟราเรดและเอกซเรย์ เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการถ่ายภาพภาพเขียน เพื่อค้นหาสิ่งที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นภายใต้ชั้นสี เทคนิคเหล่านี้ช่วยเปิดเผยความลับทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจของศิลปิน การค้นพบและเปิดเผย "ภาพใต้ภาพ" ที่ถูกซ่อนไว้มากว่าศตวรรษ ช่วยให้นักวิจัยและนักอนุรักษ์ รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ศิลปะ "เข้าใจ" ชีวิต การทำงาน รวมทั้งเทคนิค ในช่วงเวลานั้นๆ ของศิลปิน
30 Jun 2025
ในขณะที่นักสืบต้องคอยติดตามเบาะแสเพื่อไขปริศนาคดีต่างๆ นักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์งานศิลปะก็มีงานสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือการวิเคราะห์ศิลปวัตถุ ไม่เพียงแต่เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวัสดุและตระเตรียมวิธีการดูแลรักษา แต่ยังเพื่อไขคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ หรือเพื่อค้นหาความลับในระหว่างการสร้างสรรรค์ผลงานทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจของศิลปิน หนึ่งในเทคนิคที่ถูกนำมาใช้เพื่อการนี้ คือการถ่ายภาพอินฟราเรด ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยเปิดเผยข้อมูลที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
1 Jun 2025
ภาพหญิงสาวกับต่างหูมุก Girl with a Pearl Earring (c. 1665) ซึ่งเป็นภาพวาดสีน้ำมัน ขนาด 44.5 × 39 เซนติเมตร อันแสนโด่งดัง ซึ่งคาดว่า Johannes Vermeers วาดขึ้นในปี 1665 ภาพนี้ถูกแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Mauritshuis ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งล่าสุดในปี 1994 โดยภายหลังการบูรณะ นักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการถ่ายภาพทางเทคนิค (Technical Photography) ซึ่งรวมเอาการถ่ายการเรืองแสงยูวี (UVF, Ultraviolet fluorescence) ไว้ด้วย จะเห็นว่าภาพทางขวาซึ่งเป็นภาพถ่ายภายใต้สภาวะแสงยูวี มีการเรืองแสงยูวีของชั้นวานิชเรซินธรรมชาติเป็นสีเขียว และพื้นที่ที่ได้รับการซ่อมแซมสามารถแยกแยะจากสีเดิมได้อย่างชัดเจนเนื่องจากปรากฏเป็นสีดำเข้มกว่า
18 May 2025